“พระสมเด็จวัดระฆัง” พระเนื้อผงที่แพงที่สุดในโลก

วันนี้มาชมสุดยอดอมตะพระเครื่องเป็นพระผง ที่มีชื่อเสี่ยงตลอดกาลและมีราคาแพงมากที่สุดถึงหลายล้านบาท นั้นก็คือ “พระสมเด็จวัดระฆัง” ที่สร้างขึ้นโดย พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ที่ประชาชนต่างยกย่องและอยากได้มาไว้ครอบครองมากที่สุด เพราะต่างเชื่อว่า เป็น “จักรพรรดิ์พระเครื่อง”

ผู้ใดที่มีพระสมเด็จวัดระฆังฯไว้ครอบครอง จะพบแต่ความสุข ความเจริญ ทั้งด้านพุทธคุณ เมตตามหานิยม มหาอำนาจ แคล้วคลาดปลอดภัย สุขใจ ไร้ทุกข์ไร้กังวล ผู้คนเกรงขาม มีความเจริญในทุกๆด้าน แต่ผู้ที่ครอบครองนั้นต้องเป็นคนดีมีศิลธรรม พระท่านถึงจะเกื้อหนุน ถึงแม้จะไม่มีพระสมเด็จวัดระฆัง ไว้ในครอบครอง เพียงสวดพระคาถาชินบัญชร ก็มีเรื่องเล่าประการณ์ต่างๆมากมายในด้านที่ดีแล้วครับพระ2
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ อกกระบอก

          พระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้ เป็นพระที่พึ่งเข้าวงการ และเป็นพระที่สวยมาก ของวงการพระสมเด็จอีกองค์ ที่เซียนพระสมเด็จหลายท่านต่างยกย่องให้ว่า พระองค์นี้เป็นพระแท้ดูง่าย และยังสามารถเอามาดูเป็นองค์ครูได้

หลักการดูพระสมเด็จที่นักเล่นพระสมเด็จหลายท่านกล่าวถึงองค์นี้คือ ดูความเป็นธรรมชาติของเนื้อพระ และ มวลสารอินทรีวัตถุ เนื้อพระสมเด็จนั้นจากประวัติเล่าว่า ได้สร้างจากปูนเปลือกหอย และมีมวลสารอินทรีวัตถุที่ผสมอยู่ในเนื้อ เมื่อพระมีอายุผ่านไป 150 กว่าปี มวลสารเหล่านั้นย่อมเกิดการย่อยสลากลงไป เกิดเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งพระที่ทำเหมือนจะไม่สามารถทำให้เป็นธรรมชาติได้ แต่องค์นี้ความเก่าดูแล้วเก่าเป็นธรรมชาติมากๆ ซึ่งใครเห็นก็บอกว่า สวยมากๆครับ



ชมคลิป พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่

 

ประวัติการสร้างพระสมเด็จ

      ถ้ากล่าวถึงการสร้างพระสมเด็จ เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยไหน ซึ่งจากประวัติที่ได้หามาจากคำบอกเล่าของคนในอดีต ได้แบ่งประวัติการสร้างพระสมเด็จออกเป็น 3 ยุค คือ ยุคต้น ยุคกลาง และ ยุคปลาย
สรุปคร่าวๆได้ดังนี้

สมเด็จพุฒาจารย์(โต) สร้างพระพิมพ์ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2368 (อายุ 37 ปี) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระครูโต” และสร้างเรื่อยมาหลายบล็อกพิมพ์ ในขณะนั้นเรียกว่า “พระพิมพ์” ขนาดชิ้นฟัก มีขนาดต่าง ๆ ต่อมาเรียกพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นว่า “พระสมเด็จวัดระฆัง” เมื่อครั้งเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ทรงได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี”เมื่อปี พ.ศ. 2407 และได้เรียก “พระสมเด็จวัดระฆัง” เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

           จาก บันทึกตำนานเก่าแก่ และคำบอกเล่า ของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่ใกล้ชิดเจ้าประคุณสมเด็จฯ เกี่ยวกับการสร้างพระพิมพ์ ประกอบกับมีคำจารึกการสร้างพระพิมพ์ ไว้ข้างฐานรูปหล่อท่านั่งเนื้อสำริดของเจ้าประคุณสมเด็จฯ ขนาดต่าง ๆ ที่มีผู้ใจบุญเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ในสถานที่หลายแห่ง สอดคล้องกับคำบอกกล่าวของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ในสมุดโบราณ

จาก หลักฐานและความเป็นมา การสร้างพระพิมพ์ เชื่อได้ว่าเจ้าประคุณสมเด็จ สร้างอยู่ 3 แผ่นดิน หรือ 3 ยุคสมัยตั้งแต่รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 สร้างครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2368 จนถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สร้างครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2414 รวมการสร้างพระพิมพ์ประมาณ 14 ครั้ง และแบ่งออกเป็น 3 ยุค ดังนี้

ยุคต้น สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2368 –2390 (ครองราชย์ พ.ศ. 2367 – 2394)
ยุคกลาง สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ตั้งแต่ พ.ศ. 2399 –2411 (ครองราชย์ พ.ศ. 2394 – 2411)
ยุคปลาย สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งแต่ พ.ศ. 2412 –2414 (ครองราชย์ พ.ศ. 2411 – 2453)

มีรายละเอียดการสร้างพระพิมพ์ หรือพระสมเด็จ ดังนี้
  #พระสมเด็จยุคต้น ในรัชกาชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3 )
1. ปี พ.ศ. 2348 สร้างที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ เป็น “พระครูโต”
2. ปี พ.ศ. 2378 สร้างเป็นที่ระลึกในการเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระปริยัติธรรม”
3. ปี พ.ศ. 2379 สร้างเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้บริจาคเงินสร้างพระพุทธไสยาสน์
4. ปี พ.ศ. 2381 สร้างเป็นที่ระลึกให้งานทำบุญครบ 51 ปี ขณะดำรงตำแหน่งสมณศักดิ์ พระปริยัติธรรม
5. ปี พ.ศ. 2386 สร้างเป็นที่ระลึกในงานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระราชปัญญาภรณ์”
6. ปี พ.ศ. 2387 สร้างเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้บริจาคเงินบำรุงวัดระฆัง
7. ปี พ.ศ. 2390 สร้างเป็นที่ระลึกในงานทำบุญครบรอบ 60 ปี เป็นที่ “พระเทพกวีศรีวิสุทธินายก”
ซึ่ง การสร้างแต่ละครั้งมีจำนวนไม่มาก เป็นพิมพ์ใหญ่ และหลายพิมพ์ทรง เป็นพระเนื้อขาวแก่ปูน พิมพ์ใหญ่ไม่มีเส้นกรอบกระจก หรือเส้นบังคับพิมพ์

#พระสมเด็จยุคกลาง ในสมัยรัชกาลสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)
1. ปี พ.ศ. 2399 สร้างให้โยมพระบิดามารดา เพื่อแทนคุณ ขณะดำรงสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระธรรมกิติโสภณ” เป็นพิมพ์ปรกโพธิ์
2. ปี พ.ศ. 2399 สร้างเป็นที่ระลึกในงานสร้างพระบูชา นามว่า “พระหาพุธพิม”
3. ปี พ.ศ. 2407 สร้างเป็นที่ระลึกในงานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นที่ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)พรหมรังษี” เป็นพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่
4. ปี พ.ศ. 2409 สร้างในขณะดำรงสมณศักดิ์ เป็นที่ “พระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี” เริ่มสร้างที่จำนวน 84,000 องค์ตามเจตนารมณ์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยแม่พิมพ์ของช่างทองหลวง “หลวงวิจารณ์เจียรนัย”
5. ปี พ.ศ. 2411 สร้างในขณะดำรงสมณศักดิ์ เป็นที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต เป็นพิมพ์ใหญ่อกวี

#พระสมเด็จยุคปลาย ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
1. ปี พ.ศ. 2412 สร้างพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ แม่พิมพ์หลวงวิจารณ์เจียรนัย
2. ปี พ.ศ. 2414 สร้างพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ (ลงรักปิดทอง) สร้างถวายแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จำนวน 84000 องค์

ประกอบด้วย
๑.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ลงรักปิดทอง
๒.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ (เกศทะลุซุ้ม) ลงรักปิดทอง
๓.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม (อกวี) ลงรักปิดทอง
๔.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ (ทรงใหญ่) ลงรักปิดทอง
๕.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ (มีหู) ลงรักปิดทอง
๖.พระสมเด็จวัดระฆังลงรักปิดทอง
พิมพ์วัดเกศไชโย ๗ ชั้น
๗.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ไกเซอร์ ลงรักปิดทอง
๘.พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ปรกโพธิ์ ลงรักปิดทอง

 

#คาถาการปลุกเสกพระสมเด็จวัดระฆังฯ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสถามเจ้าพระคุณว่าพระเครื่องของหลวงพี่ปลุกเสกด้วยคาถาใด จึงงได้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เจ้าพระคุณ ตอบว่า ปลุกเสกด้วยชินบัญชรคาถา คาถาชินบัญชร ได้อัญเชิญพระพุทธเจ้าทั้ง 28พระองค์ และพระอรหันต์สำคัญมากมาย รวมทั้งอัญเชิญพระสูตรสำคัญ ทั้ง 7สูตร คือ
1.รัตนสูตร มีคุณวเศษทางป้องกันภูตผีปีศาจ และโรคระบาด
2.กรณีเมตสูตร มีคุณวิเศษทางมหานิยม ปัดรังควานภูตผีปีศาจ และอำนวยผลสำเร็จในการงาน
3.องคุลีมาลปริตร มีคุณวิเศษช่วยในการคลอดบุตร บำบัดฌรค และสิริมงคล
4.ธชัคสนูตร ทำใจให้บันเทิง อาจหาญ บำราบภยัยตรายที่เผชิญหน้าให้แคล้วคลาดไป
5.ขันธปริตร ป้องกันสัตว์เขี้ยวเล็บงาและอรพิษน้อยใหญ่
6.โมรปริตร เป็นผล นิรันตราย แคล้วคลาดจาก ศาตราวุธ และภยันตรายทั้งปวง
7.อาฎานาฏิยปริตร ป้องกันภูติพราย อมนุษย์ และคุณไสยทั้งปวง