สิ้นแล้ว “หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ” วัดบ้านกรวด พระเกจิดังแห่งเมืองบุรีรัมย์ จนได้ฉายาว่านักบุญแห่งแดนอีสานใต้ ได้มรณภาพลงด้วยศิริอายุ 105 ปี ซึ่งหลวงปู่ผาด ถือได้ว่าเป็นพระที่มีอายุยินมากที่สุด 1 ใน 10 ของประเทศไทย
เมื่อเช้าของวันที่ 5 ม.ค.58 ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ “หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ” เจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ละสังขารลงอย่างสงบที่วัดบ้านกรวด หลักจากที่หลวงปู่ผาดได้ป่วยด้วยโรคไตมานานหลายปี โดยภายในวัดได้มีพุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
โดยในวันที่ 6 ม.ค. จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 15.00น.ที่ศาลาการเปรียญวัดบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้นจะมีพิธีแสดงธรรมเทศนา และสวดพระอภิธรรม ในเวลา 19.00 น. ของทุกวัน จนครบ 7 วัน หลังจากนั้นจะได้ประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ประวัติโดยย่อ “หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ”
พระครูวิบูลย์ ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.2454 มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงปู่ผาดเป็นบุตรคนที่ 3 หลวงปู่ผาดได้บรรพชาบวชสามเณร เมื่อปี 2470 อายุ 15 ปี ที่วัดบ้านพลับ ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ บวชได้ 2 พรรษา ลาสิกขาบทไปช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา ต่อมาเมื่อปี 2476 ขณะมีอายุ 22 ปี ได้อุปสมบทบวชเรียนที่วัดบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อครั้งอดีตสมัยท่านเป็นพระหนุ่มๆ ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆทั่วประเทศ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งทางพระเวทย์ วิชาแพทย์แผนโบราณต่างๆ และเมื่อพ.ศ.2495 ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด จนถึงปัจจุบัน
“หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ” ได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆจนได้รับชื่อเสี่ยงโด่งดังไปทั่วประเทศ หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระผู้มีวัตรปฏิบัติ เป็นไปเพื่อการดับทุกข์โดยแท้ มีความเพียรเป็นเลิศตลอดชีวิตของท่าน ตั้งแต่บวชได้พรรษาแรกก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจมอบให้แก่ศาสนา มุ่งปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน และหลวงปู่ผาดยังเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ
พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2454 ศิริอายุ 104 ปี 8 เดือน 2 วัน พรรษา 85 จนได้รับฉายา นักบุญแห่งอีสานใต้ นับเป็น 1 ใน 10 เกจิอาจารย์ที่อายุยืนที่สุดในประเทศไทย
ที่มาข่าว http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU1EUTJORFk1TXc9PQ==&catid=01